hello everyone



Sunday, April 12, 2015

REVIEW : BEST SUNSCREEN EVER!!!!








ว่าด้วยเรื่อง "ครีมกันแดด"​
มีหลายคนที่ละเลย ไม่ใส่ใจ เพราะอาจมีประสบการณ์สุดสยองกับ
สิ่งที่เรียกว่าครีมกันแดด
ปัญหาหลักๆ ของคนที่ไม่ชอบทากันแดด
หนึ่ง ทาแล้วหน้าวอก
สอง รู้สึกหน้าเหนียวเหนอะหนะตลอดเวลา (ยิ่งเวลาเจอแดด เหงื่อออกนี่
ยิ่งกว่ามหกรรมไขมันผสมสีขาวทาบ้านพอกหน้าเลยทีเดียว) 
สาม ปัญหาต่อเนื่องจากการใช้กันแดด คือจะรู้สึกว่าเวลาล้างหน้า มันล้างยาก
เหมือนหน้าไม่สะอาด หนืดๆ เหนอะๆ 
สี่ ขี้เกียจ (อันนี้เป็นหลายคน) 

และเนื่องจากตัวเราเอง ล้วนเคยเจอปัญหาเหล่านั้น
ยิ่งช่วงทำงานแรกๆ นี่ Just say no ใส่ครีมกันแดดตลอด
เพราะตอนนั้นหน้ายังไม่เจอฤทธิ์ของ UVA และ UVB (อันนี้หนักเพราะรังสีทะลุทะลวงได้น่ากลัวมาก)​
จำได้ว่าไปทะเล เพื่อนทากันแดด ก็ค่อยได้ยืมเพื่อนทา 
เพราะไม่มี ไม่ซื้อ ไม่สนใจ
แต่กระนั้น
หลายเดือน ผ่านมาเป็นปี เริ่มมีสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ฝ้า กระ จุดด่างดำ 
มาขอลี้ภัยบนใบหน้า
ไม่ได้ใจดี แต่ไล่ยังไงก็ไม่ไป 
หลังๆ มันเริ่มตอกเสาเข็ม กะปลูกบ้านอยู่ (บนหน้าเรา) อย่างถาวร
ความสยองครั้งนั้น ส่งผลยาวนานจนถึงตอนนี้
แรกๆ ทำทุกทาง 
หาหมอ เลเซอร์ จี้กระ 
เสียเงินไปมากกว่าค่าครีมกันแดดอีก T_T หลังจากเจ็บตัวเจ็บใจ 
ที่รักษายังไงก็ไม่หาย ก็เริ่มตระหนักเห็นความสำคัญของการทาครีมกันแดด


ยังก่อน!
ไม่ใช่ว่า พอตัดสินใจจะมุ่งมั่นทาครีมกันแดดทุกวัน แล้วจะได้เจอกับครีมกันแดดที่เป็น
ดั่งเนื้อคู่ตั้งแต่ชาติปางก่อน 
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกจ้ะ 
มันเหมือนกับความรักนั่นแหละ กว่าจะเจอคนที่ใช่
ต้องผ่านการอกหัก โดนหลอก เจอปัญหา อุปสรรคสารพัด
แค่นึกย้อนกลับไปก็สยอง ขนหัวลุกแล้ว


ต้องบอกก่อนว่า ด้วยหน้าที่การงาน 
ทำให้โชคดีตรงที่ บางอย่างที่เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
เราไม่ต้องซื้อเอง เพราะแต่ละแบรนด์จะส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาให้ก่อนตลอด
(งานประจำเราทำงานเป็น Beauty Editor นิตยสาร HAMBURGER) 
รวมถึงครีมกันแดดของแบรนด์ต่างๆ 
เราก็ได้รับหลากหลายแบรนด์ 
ใช้หน้าตัวเองนี่แหละ ลงทุนทดลองใช้ให้มันรู้ลึกรู้จริง
และล่าสุด ก็ได้ค้นพบครีมกันแดดที่ "ใช่" และ "เลิฟ" มากๆ 
จนอยากบอกต่อ 

แต่ก่อนอื่น - - แม้เราจะได้ผลิตภัณฑ์มาฟรีในตอนแรก
แต่พอใช้แล้วดี เราก็ซื้อใช้เองตลอดอย่างต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้น นี่ไม่ใช่การรีวิวเพื่อเอาใจแบรนด์ใดๆ ทั้งสิ้น
แต่รีวิวเพื่อจะบอกต่อผลิตภัณฑ์ที่ "ดี" และอยากให้ทุกคนที่เจอปัญหาวุ่นวาย
ได้มีความสุขกับการทาครีมกันแดดทุกๆ วัน เหมือนกันกับเรา

เริ่มจากตัวแรก นางเอก ของรีวิวนี้ 
เป็นครีมกันแดดยี่ห้อ VICHY (หลายคนน่าจะรู้จักแบรนด์นี้ดีนะคะ มาจากฝรั่งเศส) 
มีขายตามห้างฯ ร้านวัตสัน ร้านบูทส์ ตามร้าน Drug Store ทั่วไป มีแน่นอนค่ะ
วิชี่ ไอเดียล แคปปิตอล โซเลย แมททิฟายอิ้ง 
เฟส ฟลูอิด ดราย ทัช เอสพีเอฟ 50 
(vichy ideal capital seleil mattifying face fluid dry touch spf50)
เป็นครีมกันแดด สำหรับ ทาหน้านะคะ 
ราคา 1,050 บาท


(ในรูปจะเห็นว่ามีหลอดที่หมดแล้ว 
ใช้จนหมดแล้ว หมดอีก และไม่เปลี่ยนใจไปใช้ตัวอื่นเลยค่ะ)



จุดเด่นที่ชอบ 
1 . เนื้อครีมซึมซาบเร็วมาก ตอนทาในสัมผัสแรกที่โดนผิว จะรู้สึกหนืดนิดๆ แต่แป๊บเดียวค่ะ
หลังจากเมื่อครีมซึมลงผิวแล้ว ผิวจะลื่นไม่เหนอะหนะเลยค่ะ รู้สึกแห้งสบาย



2. กลิ่นหอมมากกกกก  ปกติ จะไม่ชอบกลิ่นตามผลิตภัณฑ์ต่างๆ เลย 
เพราะเป็นคนที่จมูกไวกับกลิ่นและถ้าเป็นกลิ่นที่ไม่ถูกจริตละก็ 
จะไม่ได้รับโอกาสครั้งต่อไปเลย แต่สำหรับครีมกันแดดตัวนี้มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้
เป็นกลิ่นอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเวลาทาครีมกันแดดมาก



3. ชอบที่เป็นครีมกันแดดผสมน้ำแร่ด้วยค่ะ ซึ่งปกติน้ำแร่ของวิชี่ ก็ชอบใช้อยู่แล้ว
จะซื้อขวดเล็กๆ พกไว้ฉีดหน้าระหว่างวันตอนร้อนๆ หรือตอนที่ต้องการความสดชื่น
พอมีน้ำแร่ผสมอยู่ในครีมกันแดด มันเหมือนได้บำรุงให้ผิวเราชุ่มชื่นตลอดเวลา
และเป็นสูตรที่กันน้ำ กันเหงื่อด้วย ทั้งๆ ที่เนื้อครีมมีความบางเบามากๆ ค่ะ



4. ชอบที่ครีมกันแดดตัวนี้ ไม่ทิ้งคราบขาว นี่คือปัญหาที่เคยเจอตอนใช้ครีมกันแดดยี่ห้ออื่นบางยี่ห้อ
ที่ทาตอนเช้าก็ดีนะ แต่พอตกบ่ายเท่านั้นแหละ เป็นคราบมาเลย 
ชีวิตพังมาก แต่พอใช้ตัวนี้ หมดปัญหานั้นไปเลย เลิฟๆ 


(จากรูป หลังจากทา ผิวเนียนกริ๊บ แห้ง แต่รู้สึกว่าชุ่มชื่นค่ะ)​

5. ราคาไม่ถูกไม่แพงไป สมราคา คุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับ
ตั้งแต่ใช้ครีมกันแดดตัวนี้ ก็มั่นใจยิ่งขึ้นเวลาออกแดด
กลายเป็นว่าไม่เคยมีวันไหน ไม่ทาครีมกันแดดเลยค่ะ แม้แต่ตอนอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหนก
ก็ต้องทานะคะ เพราะรังสี UVB  เนี่ย 
มันส่องผ่านอาคาร ก้อนเมฆ กระจก หรือร่มบางๆ ได้เลยนะคะ 

นี่แหละค่ะ เหตุผลที่ชอบครีมกันแดดของวีชี่มากๆ 
แต่ช้าก่อน!!!! 


ยังมีครีมกันแดดน้องรักอีกหนึ่งแบรนด์มาแนะนำด้วยค่ะ
บอกก่อนว่า สิ่งเหล่านี้ซื้อเอง ไม่มีใครมาขอ หรือจ้าง ให้รีวิว (เข้าใจตรงกันนะ)​
นั่นคือ ครีมกันแดด ที่เราคิดว่า
น่าจะบอกต่อ สำหรับคนที่คิดว่า วีชี่ อาจจะแพงไป งบไม่ถึง
หรืออยากได้ของดี ในราคาที่ถูกลงมาอีก มีมั้ยนะ? มีค่ะ
สิ่งนั้นคือ 



BIORE' UV นั่นเองค่ะ
ขวดที่เราใช้ทุกวันเลยเช่นกันคือ 
ขวดสีเหลืองอันนี้ค่ะ ชื่อของมันคือ บิโอเร ยูวี มายด์ แคร์ มิลค์ เอสพีเอฟ 30/พีเอ++
สิ่งนี้เป็นโลชั่นน้ำนมป้องกันแสงแดดค่ะ 
เป็นสูตรที่อ่อนโยนมากกกกกกก แบบที่เขาเคลมว่าใช้กับผิวเด็กๆ ได้ด้วยเช่นกัน
มาดูจุดเด่นของโลชั่นน้ำนมกันแดดตัวนี้กันดีกว่าค่ะ



1. เป็นสูตรน้ำนม ที่มีค่า Ph ใกล้เคียงกับผิว ไม่มีแอลกอฮอล์ 
ไม่มีกลิ่น (ซึ่งดีมาก)​ และไม่มีสี เวลาทาจะรู้สึกได้เลยว่า โลชั่นซึมปรื้ดดดดด เข้าผิวภายใน 5 วินาที
อันนี้เขียนเอง เพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ 
แต่บอกก่อนว่า เราจะใช้ตัวนี้ ทาหน้าก็ได้ ทาตัวก็ได้ 
แต่หลักๆ ที่เราใช้ส่วนตัว ชอบใช้กับตัวแทนโลชั่นไปเลยค่ะ 
เพราะหน้า ก็จะใช้วีชี่เป็นหลัก
แต่จริงๆ เคยลองทาตัวโลชั่นน้ำนมของบิโอเรก่อน แล้วตามด้วยกันแดดของวีชี่อีกรอบ
ผลที่ได้คือ มั่นใจเป็นสองเท่าค่ะ  
ข้อดี คือมันไม่เป็นขุย ไม่หนา ไม่เหนอะหนะ ปกติเวลาเราทาอะไรเป็นชั้นๆ 
ทาหลายขั้นตอน หลายตัวครีม จะเจอปัญหาเวลาลงแป้ง หน้าเป็นคราบ
เป็นขุย ผิวไม่เรียบ ดูไม่โปร อันนี้ไม่นำมาซึ่งปัญหาเหล่านั้นค่ะ วางใจได้ ฮูเร่



2. จุดเด่นอีกข้อที่ชอบมาก คือความแห้งสบาย มันรู้สึกเหมือนเราไม่ได้ทาอะไร
แต่คือทาไปแล้ว เยอะมากด้วย แต่ผิวแห้งสบายสุดๆ ไม่ได้รู้สึกเหนอะหนะดี
ซึ่งดีงามมากกกกกก



3. ตัวนี้เวลาพกไปข้างนอก แล้วเจอแดดแรงๆ รู้สึกไม่มั่นใจ
ใช้ทาอีกรอบเพื่อความมั่นใจ
ทาทับลงไปได้เลยค่ะ และมันก็ซึมปรื้ดดดดด เข้าไปเร็วมาก
เหมาะกับสาวๆ ที่กลัวครีมกันแดดเหนียวๆ 
ใช้ขวดนี้ได้ค่ะ ดีกับผิว ปลอดภัยแน่นอน
เพราะเด็กๆ ยังใช้ได้เลย 

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆ คนที่มีปัญหาในการเลือกครีมกันแดดนะคะ
เราแชร์จากประสบการณ์ใช้จริงของตัวเอง
ซึ่งสำหรับบางคน ผิวเราไม่เหมือนกัน อาจจะไม่ได้ผลดี หรือไม่ชอบในแบบที่เราชอบ
ก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าได้แบ่งปันกัน และเป็นกำลังใจให้ทุกคน
ขยันทาครีมกันแดดทุกๆ วันด้วยนะคะ
ป้องกันวันนี้ ดีกว่าไปแก้ไขวันหน้า
การแก้ไขมันยากลำบาก เสียเงิน เสียเวลาด้วย
ไม่เคยเจอ จะไม่กล้าพูดแบบนี้เลย นี่เตือนด้วยความหวังดีจริงๆ ค่ะ
เรามาทาครีมกันแดดกันนะ ทาทุกวันๆ เลยนะ สัญญานะ 



- - 
เป็นรีวิวที่เขียนยาวมาก
ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
 :) 










No comments:

Post a Comment